Blogger templates

วันพุธที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

การละหมาดของบุคคลที่ได้รับการผ่อนผัน

จากหนังสือมุคตะศ็อรฺ อัลฟิกฮิลอิสลามีย์ ของเชคมุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์ ประกอบด้วยเนื้อหาต่างๆ อาทิ .. 1- การละหมาดของผู้ป่วย ลักษณะการละหมาดของผู้ป่วย การทำความสะอาดของผู้ป่วย หุก่มต่างๆ ที่เกี่ยวกับการละหมาดของผู้ป่วย เมื่อใดบ้างที่อนุญาตให้ผู้ป่วยละหมาดควบรวมได้ ผู้ป่วยจะละหมาดที่ไหน? ผลบุญที่ถูกกำหนดไว้จากการงานอิบาดะฮฺสำหรับผู้ป่วยและผู้เดินทาง 2- การละหมาดของผู้เดินทาง หุก่มการย่อ(ก็อศฺร์)และการควบรวม(ญัมอฺ)ละหมาด ผู้เดินทางจะเริ่มต้นใช้หุก่มต่างๆ เกี่ยวกับการเดินทางได้เมื่อไร? ลักษณะการละหมาดของผู้เดินทางที่ตามหลังคนที่ไม่ได้เดินทาง หุก่มการละหมาดสุนัตในระหว่างเดินทาง หุก่มสำหรับผู้ที่เดินทางตลอดทั้งปี สิ่งที่ผู้เดินทางต้องทำเมื่อกลับภูมิลำเนาของเขา หุก่มต่างๆ ที่เกี่ยวกับการเดินทาง ลักษณะการละหมาดบนเครื่องบิน หุก่มของผู้เดินเมื่อเดินทางถึงมักกะฮฺ หุก่มการอะซานและอิกอมะฮฺในขณะเดินทาง ลักษณะการควบรวมและย่อละหมาดในระหว่างเดินทาง หุก่มการควบรวมและย่อที่อะเราะฟะฮฺและมุซฺดะลิฟะฮฺ หุก่มการละหมาดญะมาอะฮฺในระหว่างเดินทาง ลักษณะการละหมาดสุนัตบนพาหนะ หุก่มการควบรวมละหมาดในระหว่างที่ไม่ได้เดินทาง 3- การละหมาดในกรณีหวาดกลัว ลักษณะการละหมาดในกรณีหวาดกลัว

ละหมาดสุนัต

จากหนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์ ของเชค มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์ ว่าด้วยละหมาดสุนัต ประกอบด้วยเนื้อหาต่างๆ ดังนี้ 
1. ละหมาดสุนัต เราะวาติบ
2. ละหมาดสุนัต ตะฮัจญุด
3. ละหมาดสุนัต วิติรฺ
4. ละหมาดสุนัต ตะรอวีหฺ
5. ละหมาดสุนัต ในวันอีด
6. ละหมาดสุนัต สุริยุปราคา (กุสูฟ) และ จันทรุปราคา (คุสูฟ)
7. ละหมาดสุนัต อิสติสกออ์ (ขอฝน)
8. ละหมาดสุนัต ฎุฮา
9. ละหมาดสุนัต อิสติคอเราะฮฺ
การสุญูด ติลาวะฮฺ 
การสุญูด ชุกูรฺ

ละหมาดสุนัต

จากหนังสือมุคตะศ็อร อัลฟิกฮิล อิสลามีย์ ของเชค มุหัมมัด บิน อิบรอฮีม อัตตุวัยญิรีย์ ว่าด้วยละหมาดสุนัต ประกอบด้วยเนื้อหาต่างๆ ดังนี้ 
1. ละหมาดสุนัต เราะวาติบ
2. ละหมาดสุนัต ตะฮัจญุด
3. ละหมาดสุนัต วิติรฺ
4. ละหมาดสุนัต ตะรอวีหฺ
5. ละหมาดสุนัต ในวันอีด
6. ละหมาดสุนัต สุริยุปราคา (กุสูฟ) และ จันทรุปราคา (คุสูฟ)
7. ละหมาดสุนัต อิสติสกออ์ (ขอฝน)
8. ละหมาดสุนัต ฎุฮา
9. ละหมาดสุนัต อิสติคอเราะฮฺ
การสุญูด ติลาวะฮฺ 
การสุญูด ชุกูรฺ

ความสำคัญของการละหมาด


การละหมาดเป็นรุก่น (หลักการ) ที่สองของรุก่นอิสลาม และเป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งรองลงมาจากการปฏิญาณตนเป็นมุสลิม เพราะการละหมาดคือเสาหลักของศาสนาที่มุสลิมทุกคนจะต้องช่วยกันรักษาและคงไว้ตราบใดที่ชีวิตยังมีอยู่
อัลลอฮฺได้กำชับและฝากฝังบรรดาผู้ศรัทธาทั้งหลายให้ช่วยกันรักษาและดำรงการละหมาดห้าเวลาไว้ ดังดำรัสของพระองค์ที่มีว่า
حَافِظُواْ عَلَى الصَّلَوَاتِ والصَّلاَةِ الْوُسْطَى وَقُومُواْ لِلّهِ قَانِتِينَ  (سورة البقرة:238) 
พวกเจ้าจงรักษาการละหมาดทั้งหลายไว้ และละหมาดที่อยู่กึ่งกลาง (คือ ละหมาดอัศริ) และจงยืนละหมาดเพื่ออัลลอฮฺโดยนอบน้อม (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-บะเกาะเราะฮฺ : 238)
และสิ่งสุดท้ายที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ฝากไว้กับเหล่าเศาะหาบะฮฺของท่านก่อนที่ท่านจะจากโลกนี้ไปก็คือการละหมาดห้าเวลา
การละหมาดเป็นศาสนกิจอันหนึ่งที่จะช่วยสานสายสัมพันธ์อันดีงามและมั่นคงระหว่างพระผู้เป็นเจ้ากับบ่าวของพระองค์ นับตั้งแต่เราเริ่มกล่าวตักบีรฺ(อัลลอฮุ อักบัรฺ) ก็แสดงให้เห็นได้ชัดเจนเลยว่า ขณะนี้บ่าวกำลังเข้าเฝ้าอัลลอฮฺ พระองค์ผู้ทรงสร้าง  เพราะว่าตั้งแต่ตักบีรจนถึงการให้สลาม เราจะเห็นได้ว่ากิริยามารยาทและทุกอิริยาบทที่ถูกแสดงออกมาในช่วงประกอบพิธีละหมาดนั้น คืออิริยาบทของบ่าวผู้อ่อนแอที่กำลังเข้าเฝ้าพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ คือ พระองค์อัลลอฮฺ
อีกหลักฐานหนึ่งที่จะช่วยบ่งชี้ว่า การละหมาดคือการเข้าเฝ้าอัลลอฮฺก็คือ เวลาที่ผู้ละหมาดอ่านสูเราะฮฺ อัล-ฟาติหะฮฺ ในทุกๆ      ร๊อกอัตของการละหมาด ทุกๆ อายัตที่เขาได้อ่านในสูเราะฮฺ อัล-ฟาติหะฮฺนั้น อัลลอฮฺจะทรงตอบรับดังที่มีรายงานในหะดีษของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม (รายงานโดย มุสลิม)
ส่วนหนึ่งของประโยชน์สำหรับผู้ที่รักษาไว้ซึ่งการละหมาดก็คือ การละหมาดจะช่วยชำระบาป และจะช่วยชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ปราศจากสิ่งที่ไม่ดีต่างๆ หรือบาปอันเป็นสิ่งโสโครกที่ติดอยู่ให้หมดสิ้นไป ดัง    หะดีษที่มีความว่า พวกท่านลองตอบสิว่า ถ้าหากว่าหน้าประตูบ้านของพวกท่านมีแม่น้ำไหลผ่าน เพื่อที่พวกท่านจะได้อาบน้ำชำระร่างกายห้าครั้งในทุกๆวัน แล้วท่านยังจะมีสิ่งสกปรกหรือกลิ่นตัวติดหรือค้างอยู่อีกไหม?  บรรดาผู้ที่ฟังท่านอยู่ตอบว่า จะไม่มีสิ่งสกปรกลงเหลือเลย  ท่านก็กล่าวอีกต่อไปว่า ดังนั้นการละหมาดห้าเวลาก็เช่นกัน อัลลอฮฺจะทรงชำระบาปและความผิดต่างๆ ของพวกท่านด้วยการละหมาด (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์ และมุสลิม)
ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวไว้ความว่า การละหมาดห้าเวลาและการละหมาดญุมอะฮฺ (ละหมาดวันศุกร์) หนึ่งไปยังอีกญุมอะฮฺหนึ่ง มีผลตอบแทนคืออัลลอฮฺจะทรงไถ่โทษ (ชำระบาป) ในสิ่งที่ไม่ไช่บาปใหญ่ (รายงานโดย มุสลิม)
การละหมาดมิใช่เพียงแต่สามารถชำระบาปและสิ่งโสโครกเท่านั้น แต่การละหมาดยังสามารถสร้างเกราะป้องกันบาปอีกด้วย ดังดำรัสของอัลลอฮฺที่ว่า
إِنَّ الصَّلاَةَ تَنْهَى عَنِ الْفَحْشَاء وَالْمُنكَرِ (سورة العنكبوت:45)
แท้จริงการละหมาดสามารถยับยั้งมิให้กระทำความโสมมและความชั่ว (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อันกะบูต : 45)  
          นั่นเป็นเพราะว่าการละหมาดคือแสงสว่างที่จะช่วยส่องจิตใจของผู้ศรัทธาบนโลกนี้และในวันอาคิเราะฮฺ ท่านรอซูลได้กล่าวไว้มีความว่าการละหมาดนั่นคือแสงสว่าง (รายงานโดยมุสลิม)
ซึ่งใครก็ตามที่รักษาไว้ซึ่งการละหมาดเขาจะได้รับแสงสว่างและความสำเร็จในวันอาคิเราะฮฺ
ข้อคิดที่ได้รับจากบทเรียน
1.การละหมาดมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะเป็นหลักการข้อที่สองของรุก่นอิสลาม(หลักการอิสลาม)
2.การละหมาดคือการแสดงความเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺที่มุสลิมทุกคนต้องดำรงไว้อย่างเคร่งครัดสม่ำเสมอ
3.การละหมาดเป็นการสร้างสายสัมพันธ์ของผู้เป็นบ่าวกับพระผู้เป็นเจ้าของเขา
4.การละหมาดห้าเวลาสามารถเป็นได้ทั้งการชำระล้างบาปและสิ่งสกปรกในจิตใจของมนุษย์ และยังเป็นเกราะกำบังจากการล่อลวงของชัยฏอนที่คอยชักจูงมนุษย์ในทางที่ผิด
5.การละหมาดเป็นแสงสว่างให้กับมนุษย์ทั้งในโลกนี้และโลกหน้า
คำถามหลังบทเรียน
1.ท่านคิดว่าเหตุใดมุสลิมจึงต้องรักษาการละหมาดห้าเวลาทุกวัน?
2.ท่านคิดว่าการละหมาดมีผลทางจิตใจของท่านอย่างไรบ้าง?
3.ท่านเห็นว่าควรจะทำอย่างไรเพื่อให้การละหมาดของท่านสมบูรณ์ และมีประโยชน์ต่อท่าน?

การรำลึกถึงอัลลอฮฺ


อามัลฺ หรือข้อปฏิบัติทางศาสนาในอิสลามนั้นมีมากมายหลายประการ ทุกอย่างล้วนอยู่บนหลักพื้นฐานของการแสดงความเคารพภักดีต่ออัลลอฮฺ สร้างความผูกพันกับพระองค์ และยืนยันในความศรัทธาอันเหนียวแน่นที่มีต่อพระองค์
ข้อปฏิบัติต่างๆ เหล่านี้อาจจะมีความยากง่ายแตกต่างกัน แต่ทั้งหมดก็มีจุดประสงค์อยู่บนหลักที่กล่าวมาแล้วด้วยกันทั้งสิ้น 
ซิกรฺ หรือการรำลึกถึงอัลลอฮฺ คืออามัลฺ ที่มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่าศาสนกิจอื่นๆ ที่อาจจะทำได้ยากกว่าเพราะต้องมีเงื่อนไขหรือกาลเทศะที่ถูกต้องเหมาะสม แต่การรำลึกถึงอัลลอฮฺสามารถที่จะทำได้ทุกเมื่อทุกที่ทุกเวลาโดยแทบจะไม่มีเงื่อนไขใดๆ เลย
ครั้งหนึ่งได้มีเศาะหาบะฮฺกล่าวแก่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ      อะลัยฮิ วะสัลลัม ว่าแท้จริงบัญญัติของอิสลามนั้นมีมากมายเหลือเกิน ดังนั้นพอจะบอกได้ไหมว่ามีสิ่งใดที่เป็นศูนย์รวมของบัญญัติต่างๆ ทั้งหมดนั้น? ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ตอบพวกเขามีความว่า จงทำให้ลิ้นของท่านนั้นเปียกชื้นอยู่เสมอ ด้วยการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ (รายงานโดย อัต-ติรมิซีย์, อิบนุ มาญะฮฺ, อัล-หากิม)
การกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺเป็นสิ่งที่ทำได้ง่ายที่สุด และมีผลบุญมากมายที่อัลลอฮฺเตรียมไว้เช่นที่ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้สาธยายไว้มีความว่า การกล่าว อัล-หัมดุลิลลาฮฺ นั้นจะเติมเต็มตาชั่งในวันกิยามะฮฺ การกล่าว สุบหานัลลอฮฺ วัล หัมดุลิลลาฮฺ นั้นมีผลบุญมากมายเท่าระหว่างฟ้าและแผ่นดิน (รายงานโดย มุสลิม)
สองประโยคที่เบาแก่ลิ้นที่จะกล่าว แต่หนักสำหรับการชั่งในวัน กิยามะฮฺ และเป็นที่รักของอัลลอฮฺผู้ทรงเมตตา นั่นคือ สุบหานัลลอฮฺ  วะบิหัมดิฮฺ สุบหานัลลอฮิลอะซีม’” (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์และมุสลิม)
การกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺที่ประเสริฐที่สุดคือ ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ การกล่าวขอดุอาอฺที่ดีที่สุดคือ อัลหัมดุลิลลาฮฺ’ ” (รายงานโดย อัต-ติรมิซีย์ และอิบนุมาญะฮฺ)
นอกจากนี้การอ่านอัลกุรอานก็ยังถือว่าเป็นการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺเช่นกัน เพราะอัลกุรอานเป็นดำรัสของอัลลอฮฺซึ่งเป็นถ้อยคำที่ประเสริฐที่สุด และการอ่านอัลกุรอานก็มีผลบุญที่ใหญ่หลวงเช่นเดียวกัน
การรำลึกถึงอัลลอฮฺด้วยการกล่าวซิกรฺอย่างสม่ำเสมอเป็นแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ซึ่งท่านได้ปฏิบัติอย่างดีเยี่ยมทั้งยามเช้ายามเย็นและทุกๆ เวลา ด้วยบทซิกรฺต่างๆ ที่มีรายงานจากท่าน ทั้งนี้เป็นการตอบรับต่อคำสั่งของอัลลอฮฺที่ได้สั่งให้ท่านอดทนในความมานะเพื่อกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺ พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
وَاصْبِرْ نَفْسَكَ مَعَ الَّذِينَ يَدْعُونَ رَبَّهُم بِالْغَدَاةِ وَالْعَشِيِّ يُرِيدُونَ وَجْهَهُ وَلاَ تَعْدُ عَيْنَاكَ عَنْهُمْ تُرِيدُ زِينَةَ الْحَيَاةِ الدُّنْيَا وَلاَ تُطِعْ مَنْ أَغْفَلْنَا قَلْبَهُ عَن ذِكْرِنَا وَاتَّبَعَ هَوَاهُ وَكَانَ أَمْرُهُ فُرُطاً (سورة الكهف:28)  
และจงอดทนอยู่กับบรรดาผู้ที่กล่าวขอพรต่อพระผู้อภิบาลของพวกเขาในยามเช้าและยามเย็นด้วยความประสงค์ในความโปรดปรานของพระองค์ และอย่าได้หันสายตาของเจ้าออกจากพวกเขา เพราะต้องการสิ่งประดับประดาในโลกดุนยา และอย่าได้เชื่อฟังผู้ที่เราทำให้เขาหลงลืมจากการกล่าวรำลึกถึงเรา โดยเขาได้ทำตามกิเลสในตัวเขา และการงานของเขานั้นเป็นสิ่งที่เหลวไหล  (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-กะหฺฟิ: 28)
พระองค์ยังได้ตรัสอีกว่า
الَّذِينَ آمَنُواْ وَتَطْمَئِنُّ قُلُوبُهُم بِذِكْرِ اللّهِ أَلاَ بِذِكْرِ اللّهِ تَطْمَئِنُّ الْقُلُوبُ (سورة الرعد:28) 
พึงรู้เถิดว่าด้วยการรำลึกถึงอัลลอฮฺนั้น หัวใจจะสงบนิ่ง (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัร-เราะอฺดุ: 28)
ข้อคิดที่ได้รับจากบทเรียน
1.การกล่าวซิกรฺหรือการรำลึกถึงอัลลอฮฺเป็นอามัลฺที่สำคัญประการหนึ่งในศาสนาอิสลาม
2.การกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺเป็นอามัลฺที่สามารถทำได้ง่ายโดยไม่มีเงื่อนไขมากมายใดๆ เลย
3.คุณค่าจากการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺที่สำคัญที่สุดเป็นการสร้างความผูกพันกับอัลลอฮฺอยู่เสมอ
4.มุสลิมควรมีความสำนึกและตระหนัก พร้อมกับความอดทนที่จะกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺอยู่ตลอดเวลา เช่นการกล่าว อัลหัมดุลิลลาฮฺ, สุบหานัลลอฮฺ, ลาอิลาฮะ อิลลัลลอฮฺ ฯลฯ เป็นต้น
5.การอ่านอัลกุรอานก็ถือว่าเป็นการรำลึกถึงอัลลอฮฺเช่นกัน เพราะอัลกุรอานคือดำรัสของอัลลอฮฺ การอ่านดำรัสของพระองค์ก็คือการรำลึกถึงพระองค์นั่นเอง
6.การกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺจะทำให้หัวใจสงบนิ่งไม่กระวนกระวาย เพราะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในพลังของอัลลอฮฺ
คำถามหลังบทเรียน
1.ท่านคิดว่าการกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺเป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่? เพราะเหตุใด?
2.ท่านคิดว่าท่านพร้อมที่จะกล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺในเวลาใดบ้าง?
3.ท่านคิดว่ามีบทซิกรฺใดบ้างที่ท่านสามารถกล่าวได้?

วันพุธที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

กิจวัตรตามแบบซุนนะฮฺ

คำว่า ซุนนะฮฺ โดยรวมแล้วหมายถึงแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในกิจกรรมต่างๆ ของการดำเนินชีวิต การตามซุนนะฮฺก็คือ การตามแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม นั่นเอง
การตามแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ในการดำเนินชีวิตนั้นเป็นสิ่งที่อิสลามได้กำชับเป็นอย่างยิ่ง เพราะอิสลามถือว่าท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม คือผู้ที่สามารถดำรงชีวิตตามแบบอย่างคำสอนของอัลลอฮฺได้สมบูรณ์ที่สุด
ดังนั้นผู้เป็นมุสลิมทุกคนจึงต้องปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านเพื่อจะได้ปฏิบัติตนเป็นมุสลิมให้สมบูรณ์เท่าที่จะทำได้ อัลลอฮฺได้ตรัสว่า
لَقَدْ كَانَ لَكُمْ فِي رَسُولِ اللهِ أُسْوَةٌ حَسَنَةٌ لِّمَن كَانَ يَرْجُو اللهَ وَالْيَوْمَ الآخِرَ وَذَكَرَ اللهَ كَثِيراً (سورة الأحزاب:21)
ขอสาบานว่า แท้จริงแล้วในตัวของศาสนทูตแห่งอัลลอฮฺนั้น มีแบบอย่างที่ดีงามสำหรับพวกเจ้าที่หวังใน (ความโปรดปรานของ) อัลลอฮฺและ (ผลบุญใน) วันอาคิเราะฮฺ และได้กล่าวรำลึกถึงอัลลอฮฺอย่างมากมาย (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อัล-อะหฺซาบ: 21)
ทุกๆ กิจการของมุสลิมจำเป็นต้องให้ตรงกับตัวอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เพราะหากว่าไม่ตรงแล้วก็ไม่อาจจะรับประกันได้ว่าสิ่งที่เขาทำนั้นถูกต้องและเป็นที่ยอมรับของอัลลอฮฺหรือไม่
ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เองก็ได้สั่งในหลายตอนให้ปฏิบัติศาสนกิจตามแบบอย่างของท่านเช่น พวกท่านจงละหมาดเหมือนที่พวกท่านเห็นฉันละหมาด (รายงานโดย มุสลิม) พวกท่านจงเอาวิธีการทำหัจญ์จากฉัน” (รายงานโดย อัล-บุคอรีย์)
ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ทำตัวอย่างทั้งหมดที่จำเป็นในชีวิตของมุสลิม ไม่ว่าเรื่องที่ใหญ่ที่สุดหรือที่เล็กที่สุด เรื่องเกี่ยวกับศาสนกิจ การครองเรือน การค้าขาย การเรียนการสอน การชำระล้าง การกินการดื่ม การขับถ่าย ฯลฯ ซึ่งสามารถศึกษาได้จากวจนะหรือหะดีษต่างๆ ของท่าน
ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เสียชีวิตไปโดยได้ทิ้งแบบอย่างเหล่านี้ไว้เพื่อให้มุสลิมได้ศึกษาและปฏิบัติตาม ท่านได้กล่าวไว้มีความว่าแท้จริงฉันได้ทิ้งสิ่งสองประการไว้แก่พวกท่าน ซึ่งพวกท่านไม่มีวันที่จะหลงทางถ้าหากตราบใดที่พวกท่านยึดมั่นอยู่กับมัน นั่นคืออัล- กุรอานและซุนนะฮฺของฉัน (รายงานโดย อัล-หากิม และอัด-           ดาเราะกุฏนีย์)
การตามแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม คือเครื่องหมายของการศรัทธาและความรักที่เรามอบให้ท่านรอซูลอย่างสมบูรณ์ และยังเป็นเครื่องหมายว่าเรารักอัลลอฮฺ เช่นที่พระองค์ได้ตรัสไว้ว่า
قُلْ إِن كُنتُمْ تُحِبُّونَ اللهَ فَاتَّبِعُونِي يُحْبِبْكُمُ اللهُ وَيَغْفِرْ لَكُمْ ذُنُوبَكُمْ وَاللهُ غَفُورٌ رَّحِيمٌ  (سورة آل عمران:31)  
จงกล่าวเถิด (มุหัมมัด) ถ้าหากพวกเจ้ารักอัลลอฮฺแล้วไซร้ ก็จงตามฉัน แล้วอัลลอฮฺก็จะรักพวกเจ้า อีกทั้งพระองค์จะทรงอภัยบาปให้กับพวกเจ้า และอัลลอฮฺนั้นเป็นผู้ทรงอภัยและเมตตาเสมอ (อัลกุรอาน สูเราะฮฺ อาล อิมรอน: 31)
ดังนั้นมุสลิมจึงต้องศึกษาให้เข้ารู้และเข้าใจถึงวิถีชีวิตและแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เพื่อให้สามารถปฏิบัติตามได้อย่างถูกต้อง และได้รับทางนำจากการปฏิบัติตามแบบอย่างของท่าน
ข้อคิดที่ได้รับจากบทเรียน
1. การตามแบบอย่างซุนนะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับมุสลิมทุกคน
2.การไม่ปฏิบัติตามแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม จะไม่ได้รับการประกันว่าถูกต้องและถูกตอบรับ
3. ท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้ทำแบบอย่างไว้ในทุกๆ ด้าน เพียบพร้อมแล้วสำหรับประชาชาติของท่าน
4. การตามแบบอย่างของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เป็นเครื่องหมายแห่งความสมบูรณ์ของอีมาน เป็นสิ่งบ่งชี้ว่าเรารักอัลลอฮฺและรักท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
5.มนุษย์จะไม่ประสบกับการหลงทาง หากยึดมั่นในคำสอนของอัลกุรอานและแบบอย่างของท่าน รอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม
คำถามหลังบทเรียน
1.ท่านคิดว่าซุนนะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม มีความสำคัญสำหรับมุสลิมอย่างไรบ้าง? กรุณาแสดงความคิดเห็น
2. ท่านคิดว่าวิธีใด คือวิธีที่ถูกต้องที่สุดในการแสดงความรักต่อท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ?
3.ท่านคิดว่าการเรียนรู้ซุนนะฮฺของท่านรอซูล ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ยากหรือง่ายและสามารถเรียนรู้ได้หรือไม่? กรุณาให้เหตุผล
 

Blogroll

About